มีการกล่าวถึงแพทเทิร์นอุตสาหกรรมและแพทเทิร์นโรงงาน ด้วยลักษณะการนำไปใช้ปะปนอย่างคลาดเคลื่อน ทำให้หลายท่านเข้าใจไม่ตรงกับความเป็นจริง จึงขออธิบายให้ชัดเจนเพิ่มเติมไว้ดังนี้
การวิวัฒนาการของแพทเทิร์น เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมเกิดขึ้นมานานแล้ว เพื่อตอบสนองการนำไปใช้ประโยชน์เฉพาะอย่างโดยพัฒนาแยกออกไปเป็น 2 คุณลักษณะ คือ
1. แพทเทิร์นอุตสาหกรรมที่พัฒนาเพื่อรองรับการผลิตโดยตรง หรือ แพทเทิร์นโรงงาน
เป็นแพทเทิร์นที่ปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับปัจจัยด้านการผลิต เพื่อลดปัญหาของโรงงานรับผลิต
กล่าวคือ แพทเทิร์นถูกปรับให้มีโครงร่างเพื่อตัดเย็บง่ายที่สุด ลดปัญหางานตัด งานเย็บ ลดต้นทุน ลดระยะเวลา เน้นความง่ายต่อการผลิต มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจนโครงร่างของแพทเทิร์นสูญเสียข้อบังคับตามหลักสรีระบางประการไป นิยมใช้กับกลุ่มเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่ายๆไม่แนบพอดีตัวมากนัก ซึ่งไม่ได้หมายถึงเป็นแพทเทิร์นที่ใช้กับสินค้าเกรดต่ำเพียงอย่างเดียว แต่ใช้กับเสื้อผ้าตัวหลวมทั่วไปด้วย
2. แพทเทิร์นอุตสาหกรรมที่พัฒนาเพื่อทำเสื้อผ้าจำหน่าย ( ใช้ทำเสื้อผ้าได้ตั้งแต่เสื้อผ้าคุณภาพต่ำ คุณภาพสูง )
เป็นแพทเทิร์นที่พัฒนาขึ้นในกรอบแนวคิดที่ต้องการได้สินค้าที่ดี ในราคาต้นทุนต่ำ ยังคงโครงร่างของแพทเทิร์นตามกฎทางสรีระศาสตร์ แต่ปรับเปลี่ยนวิธีการสร้างแบบ ให้มีหลักเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้ใช้ร่วมกับกระบวนการผลิตได้ดี เน้นความสวยงามใกล้เคียงเสื้อผ้าสั่งตัดมาก หากมองผิวเผินจากชิ้นงานที่เย็บเป็นตัวแล้ว ดูลักษณะทั่วไปจะเหมือนงานสั่งตัด แต่ใช้วิธีการสร้างแบบตัดที่ง่ายและมีขั้นตอนเป็นมาตรฐาน นิยมใช้ทำเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ต้องการให้ได้คุณภาพจับกลุ่มลูกค้า ส่งเสริมโอกาสขาย แต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต
ดังนั้นการเลือกใช้วิธีการสร้างแบบตัดที่แตกต่างกัน ผลงานที่ได้ก็จะต่างกันและมีต้นทุนต่างกันอีกด้วย ผู้เขียน
เน้นย้ำบ่อยๆว่า จะทำเสื้อผ้าขาย เราคุยกันเรื่อง ต้นทุน ,กำไร การเลือกวิธีการสร้างแบบตัดที่จะช่วยลด
ต้นทุนแต่ได้ผลงานที่ดี จึงเป็นเรื่องสาระสำคัญให้หยิบยกมาเล่า แต่ผู้เขียนก็อธิบายไว้เฉพาะรายละเอียดหลักๆ
ลงลึกมากกว่านี้เกรงท่านผู้อ่านจะตำหนิว่าดิฉันเขียนตำรา เอาแค่พอเป็นไอเดียให้เห็นภาพรวม แต่ถ้ามีสงสัย
เพิ่มเติม ผู้เขียนยินดีรับนัดจิบกาแฟคุยกันได้ค่ะ
บทความโดย ศูนย์อบรมแพ็ทเทิร์นอุตสาหกรรม แพ็ทเทิร์น ไอที
เนื้อความบางส่วนนำไปลงนิตยสาร คอลัมน์ Tip For Clothing Biz
|